โดยปกติแล้วเราทุกคนจะต้องเคยเห็นผู้ป่วยเจาะคอกันอย่างแน่นอน ซึ่งการเจาะคอและใส่ท่อหลอดลมคอ จะเป็นการรักษาที่สามารถพบได้บ่อยในผู้ป่วยภาวะวิกฤต ที่ไม่สามารถหายใจทางจมูก หรือทางปากได้ด้วยตัวเอง จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ทั้งนี้ผู้ป่วยเจาะคอยังไม่สามารถขับเสมหะได้ด้วยตัวเองอีกด้วย ดังนั้นจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะการดูดเสมหะผู้ป่วยเจาะคอ ผู้ป่วยจะไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นหากใครที่ต้องดูแลผู้ป่วยเจาะคอ มาดูกันเลยว่าจะมีการดูดเสมหะอย่างไรให้เหมาะสม
การดูดเสมหะผู้ป่วยเจาะคอ จะต้องดูแลผู้ป่วยอย่างไรบ้าง
ในช่วงแรกสำหรับผู้ป่วยเจาะคอนั้น จำเป็นต้องได้รับการดูแลภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากแพทย์จะต้องคอยตรวจสอบว่าเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือไม่ รวมทั้งจะมีช่วงที่ต้องดูแลในเรื่องของความสะอาดอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นตัวช่วยป้องกันการติดเชื้อได้มากที่สุด และหลังจากช่วงหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปแล้ว แพทย์ไม่ตรวจพบความผิดปกติ หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ผู้ป่วยจะสามารถกลับบ้านได้ตามปกติ เพื่อไปรักษาตัวที่บ้านต่อไป ทั้งนี้เมื่อกลับบ้านแล้วครอบครัวจะต้องดูแลเอง ทั้งในเรื่องของการดูแลร่างกายต่าง ๆ การดูดเสมหะผู้ป่วยเจาะคอ รวมทั้งในเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย เพราะผู้ป่วยอาจจะยังไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง
ดูดเสมหะให้ผู้ป่วยเจาะคออย่างไรให้ไม่เจ็บ
สำหรับการดูดเสมหะผู้ป่วยเจาะคอ โดยปกติแล้วผู้ป่วยจะเกิดอาการเจ็บเป็นอย่างมาก หากผู้ดูแลไม่มีทักษะ หรือไม่รู้วิธีการดูดเสมหะอย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้นไปดูกันเลยว่า วิธีดูดเสมหะให้ผู้ป่วยไม่เจ็บหรือทรมาน จะมีวิธีอย่างไรบ้าง
- เลือกขนาดของสายดูดให้เหมาะสม เพราะโดยปกติแล้วขนาดของสายดูดเสมหะที่ควรเลือกใช้งาน ได้แก่เบอร์ 14-16 โดยที่ผู้ป่วยเจาะคอจะต้องเลือกสายดูดเสมหะที่มีขนาดไม่เกินครึ่งหนึ่งของเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อเจาะคอ
- การสอดสายดูดเสมหะ ควรสอดสายในความลึกที่พอดีตามคำแนะนำของแพทย์
- เตรียมความพร้อมของผู้ป่วยให้ดีก่อนดูดเสมหะ เพราะหากผู้ป่วยมีความเครียด หรือกังวล อาจจะไปกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม
- ปรับแรงดันของเครื่องดูดเสมหะ และใช้ระยะเวลาในการดูดให้เหมาะสม เพราะอาจจะส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บเกี่ยวกับเนื้อเยื่อ ปอดแฟบ หรือปัญหาบาดเจ็บในด้านอื่น ๆ ตามมาได้นั่นเอง
สำหรับการดูดเสมหะผู้ป่วยเจาะคออย่างเหมาะสมนั้น คนดูแลจำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกรดูดเสมหะอย่างถูกต้อง และจะต้องเบามือให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงการระมัดระวังในขณะที่ดูดเสมหะไม่ให้เกิดการกระแทก เนื่องจากจะเป็นบ่อเกิดของอาการเจ็บของผู้ป่วยได้นั่นเอง ดังนั้นคนดูแลผู้ป่วยจำเป็นต้องศึกษาวิธีการดูดเสมหะอย่างเหมาะสม เพื่อลดอาการเจ็บให้ได้มากที่สุด